การเปลี่ยนรูปคำกริยาเป็น
Past Tense นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2
วิธี คือ
1.
เติม ed ท้ายคำกริยาช่องที่ 1
(regular verb)
2.
คำกริยาที่เปลี่ยนรูปใหม่ (irregular verb)
ซึ่งหลักการนี้
ก็ใช้เช่นเดียวกันกับการเปลี่ยนคำกริยาเป็น Past Participle (verb3)
หลักการเติม ed ท้ายคำกริยา มีดังนี้
1. คำกริยาโดยทั่วไป
เมื่อเปลี่ยนเป็นคำกริยาช่อง 2-3 เติม ed
·
listen-listened-listened (ฟัง)
·
look-looked-looked (มองดู)
·
paint-painted-painted (ทาสี)
·
rain-rained-rained (ฝนตก)
·
talk-talked-talked (พูดคุย)
·
visit-visited-visited (เยี่ยมเยียน)
·
point-pointed-pointed (ชี้)
·
watch-watched-watched (ดู, เฝ้าดู)
·
jump-jumped-jumped (กระโดด)
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย
e สามารถเติม d ได้เลย
·
loved-loved-loved (รัก)
·
like-liked-liked (ชอบ)
·
live-lived-lived (อาศัยอยู่, มีชีวิตอยู่)
·
move-moved-moved (เคลื่อนย้าย)
·
hate-hated-hated (เกลียด)
·
hope-hoped-hoped (หวัง)
·
smile-smiled-smiled (ยิ้ม)
·
bake-baked-baked (อบ)
3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย
y มี 2 กรณี คือ
·
ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ
ให้เปลี่ยน y เป็น i เติม ed
marry-married-married (แต่งงาน)
hurry-hurried-hurried (รีบเร่ง)
study-studied-studied (เรียน)
cry-cried-cried (ร้องไห้)
carry-carried-carried (ถือ)
worry-worried-worried (กังวล, เป็นห่วง)
deny-denied
(ปฏิเสธ)
·
ถ้าหน้า y เป็นสระ
สามารถเติม d ได้เลย
play-played-played (เล่น)
stay-stayed-stayed (อยู่)
enjoy-enjoyed-enjoyed (สนุกสนาน)
obey-obeyed-obeyed (เชื่อฟัง)
4. คำกริยาที่มีพยางค์เดียว
มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัว แล้วเติม ed
·
stop-stopped-stopped (หยุด)
·
plan-planned-planned (วางแผน)
·
fit-fitted-fitted (พอดี, ติดตั้ง)
·
beg-begged-begged (ขอ)
5. คำกริยาที่ลงท้ายด้วยสระตัวเดียว
และออกเสียงเน้นหนักพยางค์หลัง ให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัว แล้วเติม ed
·
prefer-preferred-preferred (ชอบมากกว่า)
·
refer-referred-referred (อ้างอิง)
·
admit-admitted-admitted (ยอมรับ, รับเข้าไว้)
·
commit-committed-committed (ทำความผิด,มอบหมายให้)
·
permit-permitted-permitted (อนุญาต)
·
occur-occurred-occurred (เกิดขึ้น)
หมายเหตุ *.. แต่ถ้าคำกริยาที่ลงท้ายด้วยสระตัวเดียวนั้น
ไม่ได้ออกเสียงเน้นหนักพยางค์หลัง ไม่ต้องเพิ่มตัวสะกดตัวท้าย
·
inherit-inherited-inherited (รับมรดก)
·
target-targeted-targeted (ตั้งเป้าหมาย)
·
cover-covered-covered (คลุม, ปิดบัง)
·
open-opened-opened (เปิด)
** ซึ่งก็คือคำกริยาโดยทั่วไป
ที่เติม ed นั่นเอง
Irregular verbs ก็คือ
คำกริยาที่ไม่ปกติ
จะมีการเปลี่ยนรูปเมื่อเป็น Past Tense ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบนั้น
มีดังนี้ คือ
1. คำกริยาที่แตกต่างกันทั้ง
3
ช่อง
speak-spoke-spoken (พูด)
drink-drank-drunk (ดื่ม)
steal-stole-stolen (ขโมย)
grow-grew-grown (ปลูก/เติบโต)
2. คำกริยาที่ช่อง
1
(Infinitive) แตกต่างจาก 2 (Simple Past) แต่เหมือนกับช่อง
3 (Past Participle)
buy-bought-bought (ซื้อ)
say-said-said (พูด)
tell-told-told (บอก)
think-thought-thought (คิด)
3. คำกริยาที่ช่อง
1
(Infinitive) ไม่เหมือนช่อง 2 (Simple
Past) แต่เหมือนช่อง 3 (Past Participle)
run-ran-run (วิ่ง)
become-became-become (กลายเป็น)
come-came-come (มา)
4. คำกริยาที่ไม่เปลี่ยนแปลงรูป
put-put-put (วาง)
shut-shut-shut (ปิด)
hurt-hurt-hurt (เจ็บ)
hit-hit-hit (ตี)
cut-cut-cut (ตัด)
หมายเหตุ
*.. Irregular verbs หรือกริยาเปลี่ยนรูปนั้น
ต้องพยายามจำให้ได้ อย่านำกริยากลุ่นนี้ไปเติม ed เด็ดขาด
No comments:
Post a Comment