Total Pageviews

Sponsored Ads

Saturday 31 October 2020

Formation of Adjectives คือ..? การสร้างคำคุณศัพท์ ทำอย่างไร..?

 

สืบเนื่องจากบทความ Adjectives คือ คำคุณศัพท์ ที่นำมาอธิบายหรือขยายคำนาม (Noun) หรือคำสรรพนาม (Pronoun) เพื่อให้ได้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นการบ่งบอกให้รู้ลักษณะ คุณสมบัติของคำนามหรือคำสรรพนามนั้น ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น cute (น่ารัก), large (ใหญ่, กว้าง), fat (อ้วน), smart (ฉลาด, เนี๊ยบ) ฯลฯ

บทความนี้ เราจะมากล่าวถึงที่มาและการสร้างคำคุณศัพท์ (Origin and Formation of Adjectives) ว่ามีที่มา และการสร้างคำอย่างไรบ้าง..?

ที่มาของคำคุณศัพท์ (Origin of Adjectives) มีดังนี้

1. Adjectives ที่มีลักษณะเป็น Adjectives โดยตรง (Descriptive Adjectives) เป็นคำคุณศัพท์ที่บรรยายหรือบอกลักษณะต่างๆ เช่น

  • แสดงจำนวนและลำดับที่ (Numeral Adjectives) เช่น one, two, 3, first, second, 3rd
  • แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Adjectives) เช่น my, your, us, our, his, her, their, its
  • แสดงขนาด รูปร่าง สภาพ สภาวะ อายุ สี ที่มา/เชื้อชาติ ภาษา วัสดุ เช่น big, round, empty, old, gray, Thai, metal
  • แสดงความคิดเห็น เช่น bad, good, nice, lovely, poor

2. Adjectives ที่มีลักษณะหรือรูปร่างมาจากคำอื่นๆ เช่น

  • Adjectives ที่มาจากคำนาม (Noun) ในรูป Compound Noun เช่น

o   a school boy (school เป็นคำนาม แต่ใช้เป็น Adj. ขยาย boy ที่เป็นคำนามแท้ๆ)

o   a kitchen table (kitchen เป็นคำนามที่ใช้เป็น Adj. ขยาย table ที่เป็นคำนามแท้ๆ)

o   A crying boy (crying มีรูปเป็น Present Participle ทำหน้าที่เป็น Adj. ขยาย boy)

o   A broken heart (broken มีรูปเป็น Past Participle กริยาช่อง 3 ทำหน้าที่เป็น Adj. ขยาย heart)

o   A frightened cat. (frightened มีรูปเป็น Part Participle กริยาเติม ed ทำหน้าที่เป็น Adj. ขยาย cat)

การสร้างคำคุณศัพท์ (Formation of Adjectives) จะสร้างมาจากคำนาม  คำกริยา หรือสร้างมาจากคำคุณศัพท์ด้วยกันเอง มีดังนี้

1. Adjectives ที่สร้างมาจากคำนาม (Nouns) โดยการเติม ly, y, ful, less, ous, al, ic, ish, en, like เช่น

  • friend-friendly  เป็นมิตร เป็นเพื่อน
  • love-lovely  น่ารัก
  • order-orderly  เป็นระเบียบ
  • blood-blood นองเลือด เปื้อนเลือด
  • wind-windy  มีลม
  • smoke-smoky  มีควัน
  • juice-juic ฉ่ำ มีน้ำมาก
  • care-careful  ระมัดระวัง
  • use-useful  มีประโยชน์
  • beauty-beautiful  สวย งาม
  • plenty-plentiful  มากมาย อุดมสมบูรณ์
  • taste-tasteful ซึ่งมีรสชาติดี มีรสนิยม
  • home-homeless  ไร้บ้าน
  • hope-hopeless  หมดหวัง
  • danger-dangerous  มีอันตราย
  • poison-poisonous  เป็นพิษ
  • envy-envious  อิจฉา
  • mystery-mysterious  ลึกลับ
  • coast-coastal  ตามชายฝั่ง
  • music-musical  เกี่ยวกับดนตรี
  • nature-natural  เกี่ยวกับธรรมชาติ
  • colony-colonial  เกี่ยวกับอาณานิคม
  • artist-artistic  งดงาม วิจิตร
  • base-basic  เป็นรากฐาน เป็นหลัก
  • fool-foolish  โง่
  • self-selfish  เห็นแก่ตัว
  • wood-wooden  ทำด้วยไม้ เหมือนไม้
  • wool-woolen  ทำด้วยขนสัตว์
  • bird-birdlike   เหมือนนก
  • child-childlike   เหมือนเด็ก

มีคำนามบางคำที่เปลี่ยนเป็น Adjective อย่างไม่มีกฎเกณฑ์ เช่น

  • width-wide  กว้าง
  • length-long  ยาว
  • depth-deep  ลึก

2. Adjectives ที่สร้างมาจากคำกริยา (Verbs) โดยการเติม ive, able, ible, ful, ant, ent, y เช่น

  • create-creative  มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์
  • prevent-preventive  เกี่ยวกับการป้องกัน
  • laugh-laughable  น่าขบขัน น่าหัวเราะ
  • enjoy-enjoyable  ที่พอใจ สนุก
  • sense-sensible  มีเหตุผล มีไหวพริบ
  • flex-flexible  ยืดหยุ่น ปรับตัวได้
  • resist-resistant  ต่อต้าน ขัดขวาง
  • ignore-ignorant  เขลา โง่ ไม่รู้ ไร้การศึกษา
  • help-helpful  ช่วยเหลือ เกื้อกูล
  • hate-hateful  มุ่งร้าย เจตนาร้าย
  • differ-different  ต่างกัน แตกต่างกัน
  • excel-excellent  ยอดเยี่ยม ดีเลิศ
  • speed-speed รวดเร็ว ว่องไว

3. Adjectives ที่สร้างมาจำคำคุณศัพท์ด้วยกันเอง โดยการเติม ish, some เช่น

  • red-reddish  ค่อนข้างแดง แดงเรื่อ
  • green-greenish  ค่อนข้างเขียว แกมเขียว
  • glad-gladsome  ยินดี ดีใจ
  • three-threesome  กลุ่มที่มี 3 คน (อัน, ชิ้น)

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้  เป็นหลักเกณฑ์ในการสร้างคำคุณศัพท์ (Formative of Adjectives) ที่เราจะต้องพยายามจดจำหลักเกณฑ์ต่างๆนี้  เพื่อให้รู้และสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง 






Wednesday 30 September 2020

order of Adjectives คือ..? การเรียงคำคุณศัพท์ มีหลักอย่างไร..?

สืบเนื่องจากบทความที่แล้ว Adjectives คือ คำคุณศัพท์ ที่ใช้อธิบายหรือขยายคำนาม (Noun) หรือคำสรรพนาม (Pronoun) เพื่อให้ได้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นการบ่งบอกให้รู้ลักษณะ คุณสมบัติของคำนามหรือคำสรรพนามนั้น ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร.. 

โดยทั่วไป เราใช้คำคุณศัพท์ (Adjective)

แต่ถ้ามีคำคุณศัพท์ Adjectives หลายๆคำมาขยายคำนามหรือคำสรรพนามเดียว แล้วเราจะวางลำดับก่อนหลังเรียงกันอย่างไร..?   

การเรียงลำดับคำคุณศัพท์นั้น ไม่ยาก หากเราต้องการขยายความคำนามเดียวด้วยคำคุณศัพท์หลายๆคำ ก็ให้เรียงลำดับไปตามลำดับ ดังต่อไปนี้

                                                            แตะภาพขยายอ่าน

 ตัวอย่างเช่น
  • My sister adopted 2 cute small white puppies.  (น้องสาวของฉันรับเลี้ยงลูกสุนัขสีขาวตัวเล็กน่ารัก 2 ตัว)
  • That is an ugly big square wooden chair. (นั่นคือเก้าอี้ไม้ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่น่าเกลียด)
  • Jane is wearing a beautiful new green silk dress.  (เจนสวมผ้าไหมชุดใหม่สีเขียวสวยงาม)
  • I have a lovely old ceramic coffee mug. (ผมมีแก้วกาแฟเซรามิคเก่าๆที่น่ารัก)                       

ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีการใช้คำคุณศัพท์เพียง 1-3 คำ แต่ถ้าหากมีการใช้ Adjectives คำคุณศัพท์หลายๆคำ ขยายคำนามคำเดียว ก็เรียงลำดับไปตามหลักการข้างบนนี้ 

แต่ถ้ามีคำคุณศัพท์ในกลุ่มเดียวกัน 2 คำ ให้ใช้ and ระหว่างคำ 2 คำนั้น เช่น

  • The library has old and new books.  (ห้องสมุดมีหนังสือเก่าและใหม่)

แต่ถ้ามีคำคุณศัพท์ตั้งแต่ 3 คำขึ้นไป ให้ใช้ , ระหว่างคำคุณศัพท์แต่ละคำ เช่น

  • He lost blue, black, yellow and white bag at school.  (เขาทำกระเป๋าสีฟ้า ดำ เหลืองและขาวหายที่โรงเรียน)

จะเห็นได้ว่า หลักในการใช้คำคุณศัพท์นั้น ไม่ยาก ถ้าเราสามารถจดจำและวางให้ถูกต้องตามลำดับการเรียงที่กำหนดไว้.. 

>>..ภาพสรุปหลักการเรียงคำคุณศัพท์ Order of Adjectives



Tuesday 29 September 2020

Types of Adjectives คือ..? ประเภทคำคุณศัพท์ มีกี่ประเภท..?

 

Adjectives คำคุณศัพท์ คือ คำที่ใช้อธิบายหรือขยายคำนาม หรือสรรพนาม เพื่อให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น  โดยจำแนกแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆได้ ดังนี้



1. คำคุณศัพท์บอกลักษณะ  (Descriptive Adjectives) ทำหน้าที่บอกลักษณะของคำนามหรือสรรพนาม ซึ่งอาจเป็นขนาดรูปร่าง สภาพ อายุ สี รวมไปถึงอารมณ์ ความรู้สึก อาการ  เช่น small, round, good, happy, expensive, old, hungry, black ฯลฯ

  • He is a moody kid. (เขาเป็นเด็กอารมณ์แปรปรวน)
  • There is a modern big green house.  (มีบ้านสีเขียวหลังใหญ่ที่ทันสมัย)
  • Paul is unhappy. (พอลไม่มีความสุข)
  • They have a glass house.  (พวกเขามีบ้านกระจก)

2. คำคุณศัพท์บอกสัญชาติ  (Proper Adjectives) ทำหน้าที่บอกสัญชาติของคำนามหรือสรรพนาม เช่น Thai, Korean, Chinese, Malaysian ฯลฯ

  • She is Japanese. (เธอเป็นคนญี่ปุ่น)
  • Tim and Tom are Americans(ทิมและทอมเป็นคนอเมริกัน)

3. คำคุณศัพท์บอกปริมาณ  (Quantitative Adjectives) ใช้บอกปริมาณของคำนามนั้นๆ เช่น some, any, many, much, little, few, whole  ฯลฯ

  • He has some money. (เขามีเงินอยู่บ้าง)
  • Jim drank little water during the marathon. (จิมดื่มน้ำเล็กน้อยในระหว่างการวิ่งมาราธอน)
  • Nai ate whole chicken.  (นายกินไก่ทั้งตัว)

4. คำคุณศัพท์บอกจำนวน ลำดับที่ (Numeral Adjectives) ใช้บอกจำนวน หรือลำดับที่ของคำนาม หรือสรรพนาม เช่น one, two, three, 4, five, six, 7th ฯลฯ

  • There are 32 students in the classroom.  (มีนักเรียน 32 คนในห้องเรียน)
  • Paul won the first prize.  (พอลได้รับรางวัลชนะเลิศ)

5. คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Adjectives)  ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามหรือสรรพนาม เช่น us, our, his, her, their, your, its

  • My car is a silver blonde.  (รถของฉันสีบลอนด์เงิน)
  • Jack and Jim are our kids. (แจ็คและจิมเป็นลูกของเรา)

6. คำคุณศัพท์บ่งชี้  (Demonstrative Adjectives) ใช้แสดงการชี้เฉพาะคำนาม เช่น this, that, these, those

  • That man is my teacher. (ผู้ชายคนนั้นเป็นครูของผม)
  • I borrowed those books from the library. (ฉันยืมหนังสือเหล่านั้นมาจากห้องสมุด)

7. คำคุณศัพท์แสดงคำถาม (Interrogative Adjectives) ใช้ทำหน้าที่ขยายคำนาม เพื่อแสดงว่าเป็นคำถาม เช่น what (อะไร), which (อันไหน คนไหน ตัวไหน), whose (ของใคร)

  • What movie is this?  (นี่เป็นหนังเรื่องอะไร)
  • Whose kid is that?  (เด็กคนนั้นเป็นลูกใคร)
  • Which book is good? (หนังสือเล่มไหนดี)

8. คำคุณศัพท์แสดงการแบ่งแยก (Distributive Adjectives) ใช้แสดงการจำแนกคำนามออกเป็น คน ตัว สิ่ง เช่น each (แต่ละ), every (ทุกๆ), either (อันใดอันหนึ่ง), neither (ไม่ทั้งสอง), both (ทั้งสองอย่าง)

  • Each kid has his duty. (เด็กแต่ละคนมีหน้าที่ของเขา)
  • Either side may win the race. (ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจชนะการแข่งขัน)
  • Neither man here is the thief.  (ไม่มีชายคนใดที่นี่เป็นขโมย)






Monday 28 September 2020

Adjective คือ..? คำคุณศัพท์ ใช้อย่างไร..?

 

Adjectives คำคุณศัพท์ คือ คำ (Word) วลี (Phrase) หรืออนุประโยค (Clause) ที่นำมาอธิบายหรือขยายคำนาม (Noun) หรือคำสรรพนาม (Pronoun) เพื่อให้ได้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น  เป็นการบ่งบอกให้รู้ลักษณะ คุณสมบัติของคำนามหรือคำสรรพนามนั้น ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น น่ารัก (pretty) น่าเกลียด (ugly) ใหญ่ (big) เล็ก (small) ฉลาด (clever) ดี (good) เลว (bad) เป็นต้น

  • Jane is a pretty girl.  (pretty เป็นคำคุณศัพท์ บอกลักษณะของคำนาม girl ว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารัก)
  • He is clever.  (clever เป็นคำคุณศัพท์ บอกลักษณะของคำสรรพนาม He ว่าเขาเป็นคนฉลาด)

ทีนี้.. เรามาดูกันว่า คุณศัพท์ (adjective) นั้น เราใช้อย่างไร..?  โดยทั่วไปเราใช้..

1. วางไว้หน้าคำนามที่มันขยาย เช่น

  • Gai is a smart girl.  (ไก่เป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาด)
  • Tim and Jane are English teachers. (ทิมและเจนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ)
  • I’ve bought a modern house. (ผมได้ซื้อบ้านที่ทันสมัย)

*คำคุณศัพท์ (Adj.) จะต้องวางไว้หลัง Article คำนำหน้านาม a, an, the 

2. วางไว้หลัง verb to be เมื่อ Adjective นั้น ขยายนามหรือสรรพนาม ที่อยู่หน้า verb to be เช่น

  • Those boys are bad. (เด็กผู้ชายเหล่านั้นนิสัยไม่ดี)
  • She is boring(เธอเป็นคนน่าเบื่อ)
  • That house is very big. (บ้านหลังนั้นใหญ่มาก)

3. วางไว้หลังกริยาเชื่อม (linking verbs) become, feel, look, seem, smell ฯลฯ เช่น

  • Jasmine feels awful. (จัสมินรู้สึกแย่มาก)
  • He looks sad. (เขาดูเศร้า)
  • She seems happy(เธอดูมีความสุข)

แต่ก็ยังมีหลักเกณฑ์การใช้ Adjective ในกรณีอื่นๆอีก ซึ่งจะได้อธิบายเพิ่มเติม ว่ามีการใช้อย่างไรบ้าง..?

นอกจากนี้ คำคุณศัพท์ Adjective ยังจำแนกออกเป็นประเภทต่างๆได้ 8 ประเภท ดังนี้

จะได้แยกอธิบายอย่างละเอียดในลำดับต่อไป... ประเภทของคำคุณศัพท์ (Types of Adjectives)

แต่ถ้ามีคำคุณศัพท์ Adjectives หลายๆคำมาขยายคำนามหรือคำสรรพนามเดียว แล้วเราจะวางลำดับก่อนหลังเรียงกันอย่างไร..?   หลักการเรียงคำคุณศัพท์ (Order of Adjectives)

ต่อไป.. เราก็มาดูที่มาและการสร้างคำคุณศัพท์ (Origin and Formation of Adjectives) ว่ามีที่มา และการสร้างคำอย่างไรบ้าง..?




Sunday 16 August 2020

สรุป Adverbial Clauses อย่างเข้าใจง่ายสุด

Adverbial Clauses วิเศษณานุประโยค ก็คือ อนุประโยค (Subordinate Clauses) ที่อย่างน้อยประกอบด้วยประธาน (Subject) และกริยา (Verb) เพื่อทำหน้าที่ขยายประโยคหลัก (Main Cause) ให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

บทความนี้.. จึงได้สรุปประเภทของ Adverbial Clauses แต่ละประเภท ว่ามีอะไรบ้าง..?  จะได้จดจำได้ง่ายๆขึ้น

ภาพสรุปประเภทของ Adverbial Clauses

Can enlarge the image to read







Saturday 15 August 2020

สรุป Adverbs of frequency กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ ใช้อย่าง..?

สืบเนื่องจากบทความ Types of Adverbs ประเภทของกริยาวิเศษณ์ ซึ่ง 1 ในนั้น ก็คือ กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ Adverbs of frequency ที่ใช้บอกความถี่ของการกระทำ ว่าการกระทำนั้น เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน 

บทความนี้.. จึงได้สรุปหลักการใช้ Adverbs of frequency กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ ว่าแต่ละคำนั้น ใช้บอกความถี่ในระดับไหน อย่างไร..?  จะได้จดจำได้ง่ายๆขึ้น

ภาพสรุปหลักการใช้ Adverbs of frequency

Can enlarge the image to read





Friday 14 August 2020

Adverb Phrases และ Adverbial Phrases ต่างกันอย่างไร..?

ทั้ง Adverb Phrases และ Adverbial Phrases ต่างก็เป็นกริยาวิเศษณ์วลี ที่มีหน้าที่เหมือนกัน นั่นคือใช้ขยายกริยา (Verb) คุณศัพท์ (Adjective) แม้กระทั่งกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ด้วยกันเอง เพื่อให้ประโยคได้ใจความที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ที่นี้.. เรามาดูกันว่า ระหว่าง Adverb Phrases กับ Adverbial Phrases นั้น ต่างกันอย่างไร..?

-Adverb

  • He acted erratically. (เขาทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอย)  erratically เป็น adv. 

-Adverb Phrases

  • He acted very erratically.  (เขาทำตัวผิดปกติมาก)  very และ erratically ต่างก็เป็น adv. ทั้งคู่

-Adverbial Phrases

  • He acted in an erratic way. (เขาทำตัวในลักษณะเอาแน่เอานอนไม่ได้)   in an erratic way เป็นกลุ่มคำที่ไม่มี adv. แต่ทำหน้าที่เป็น adv.
  • He acted in a very erratic way. (เขาแสดงท่างทางผิดปกติอย่างมาก)  in a very erratic way เป็นกลุ่มคำที่มี adv. ประกอบ แล้วทำหน้าที่เป็น adv.

จะเห็นได้ว่า  Adverb Phrases ก็คือ adv. ตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมารวมกลุ่มกัน  ส่วน Adverbial Phrases จะเป็นคำชนิดอื่นมารวมกลุ่มกัน หรืออาจจะมี adv. มาร่วมกลุ่มด้วยก็ได้ แล้วทำหน้าที่เป็น adv.

อย่างไรก็ตาม ทั้ง Adverb Phrases และ Adverbial Phrases ต่างก็ใช้แทนกันได้  ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะใช้คำไหนดี  

แต่ที่สำคัญ คือ Adverb นั้น มีคำๆเดียว แต่ Adverb Phrases และ Adverbial Phrases มีหลายคำรวมกลุ่มกัน..





Thursday 13 August 2020

Adverbial Clauses คืออะไร..?

Adverbial Clauses วิเศษณานุประโยค คือ อนุประโยค (Subordinate Clauses) ที่อย่างน้อยประกอบด้วยประธาน (Subject) และกริยา (Verb) มารวมตัวกัน เพื่อทำหน้าที่ขยายประโยคหลัก (Main Cause) ให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ซึ่ง Adverbial Clauses นี้เป็นประโยคไม่อิสระ (Dependent Clause) ไม่สามารถอยู่ได้ตามลำพัง คือเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง จะต้องพึ่งพาอาศัยประโยคหลัก (Main Clause) ที่เป็นประโยคอิสระ (Independent Clause) ซึ่งสมบูรณ์ในตัวเอง เพื่อที่จะขยายประโยคหลัก (Main Clause) ให้มีความหมายสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • She passed the course. (เธอผ่านหลักสูตร) ประโยคนี้ เป็นประโยคอิสระ อ่านแล้วเข้าใจทันที มีความหมายสมบูรณ์ในตัวของมันเอง
  • Because she worked hard. (เพราะเธอเรียนหนัก) ประโยคนี้ เป็นประโยคไม่อิสระ อ่านแล้ว ความหมายครึ่งๆกลางๆ เพราะเรียนหนักแล้วอย่างไร เป็นอย่างไรต่อ

แต่ถ้านำทั้ง 2 ประโยคนี้มารวมกัน

  • She passed the course because she worked hard. (เธอผ่านหลักสูตรเพราะเธอเรียนหนัก) ก็จะทำให้ประโยคมีใจความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ตามตัวอย่าง จะเห็นได้ว่า She passed the course นี้ เป็นประโยคหลัก (Main Clause) แล้ว because she worked hard ซึ่งเป็นอนุประโยค (Subordinate Clause) ที่ทำหน้าที่เป็นวิเศษณานุประโยค (Adverbial Clauses) มาขยายประโยคหลัก เพื่อให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ทีนี้.. มาดูกันว่า Adverbial Clauses นี้ มีอะไรบ้าง และใช้อย่างไร..?

-Adverbial Clause of Manner วิเศษณานุประโยคบอกอาการ เช่น as, like, as if, as though ตัวอย่างเช่น

  • He speaks English well as though he were an English man. (เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีราวกับว่าเขาเป็นคนอังกฤษ)
  • She talked to me like I was a child. (เธอคุยกับผมเหมือนผมเป็นเด็ก)
  • Jim walked past me as if he hadn’t seen me. (จิมเดินผ่านฉันราวกับว่าเขาไม่เห็นฉัน)

-Adverbial Clause of Place วิเศษณานุประโยคบอกสถานที่ เช่น where, wherever, anywhere, everywhere ตัวอย่างเช่น

  • Wherever I go, I always see 7-Eleven’s. (ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ผมก็มักจะเห็นเซเว่นอีเลฟเว่นเสมอ)
  • I met kind people everywhere I went. (ฉันพบเจอแต่คนใจดีทุกๆที่ที่ฉันไป)
  • He has put it where he can find it again(เขาวางมันไว้ในที่ซึ่งเขาสามารถหามันได้อีก)

-Adverbial Clause of Time วิเศษณานุประโยคบอกเวลา เช่น before, after, when, while, whenever, as soon as, as, as long as, since, until, no sooner than ตัวอย่างเช่น

  • Nick went home after the movie ended. (นิคกลับบ้านหลังจากหนังจบ)
  • As soon as you trust yourself, you’ll know how to live. (ทันทีที่คุณเชื่อใจคุณเอง คุณก็จะรู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร)
  • Since she arrived, Jim hasn’t stopped drinking. (ตั้งแต่เธอมาถึง จิมก็ยังไม่หยุดดื่ม)

-Adverbial Clause of Reason วิเศษณานุประโยคบอกเหตุผล เช่น because, as, since, on the ground that, for the reason that, seeing that, in order that ตัวอย่างเช่น

  • They took off their shoes so that they would not ruin the carpet(พวกเขาถอดรองเท้า เพื่อที่จะไม่ทำลายพรม)
  • Since he apologized, we’ll take no further action against him. (เนื่องจากเขาได้ขอโทษแล้ว เราจะไม่ดำเนินการใดๆกับเขา)
  • As she wasn’t there, I left a message with her mother. (เนื่องจากเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมจึงฝากข้อความไว้กับแม่ของเธอ)

-Adverbial Clause of Condition วิเศษณานุประโยคบอกเงื่อนไข เช่น if, unless, provided that ตัวอย่างเช่น

  • If you save some money, you can buy a new car. (ถ้าคุณประหยัดเงิน คุณสามารถซื้อรถคันใหม่ได้)
  • Unless you hurry, you’ll be late for school.  (ถ้าเธอไม่รีบ เธอจะไปโรงเรียนสาย)
  • You can play the game provided that you follow the rules. (นายสามารถเล่นเกมส์ได้ ถ้านายทำตามกฎ)

-Adverbial Clause of Concession วิเศษณานุประโยคบอกความขัดแย้ง เช่น though, although, even though, whereas, even if, despite, in spite of ตัวอย่างเช่น

  • Even though you’re 13, you can’t go to that movie. (แม้ว่าเธออายุ 13 ปี เธอก็ไม่สามารถไปดูหนังเรื่องนั้นได้)
  • Although you gave it your best effort, you didn’t pass the course. (แม้ว่าคุณพยายามอย่างเต็มที่ คุณก็ยังไม่ผ่านหลักสูตร)
  • Even if you fail, you’ll have gained experience.  (แม้ว่าคุณล้มเหลว คุณก็จะได้ประสบการณ์)

ตามตัวอย่าง สรุปได้ว่า..

  • Adverbial Clauses จะต้องขึ้นต้นด้วยคำสันธาน Subordinating Conjunctions คำเชื่อมเสมอ 
  • Adverbial Clauses อย่างน้อยจะต้องประกอบด้วยประธาน กริยา เหมือนประโยคโดยทั่วไป แต่ไม่ใช่ประโยคที่สมบูรณ์
  • Adverbial Clauses จะอยู่โดดๆตามลำพังไม่ได้ เพราะเป็นประโยคที่ใจความยังไม่สมบูรณ์
  • Adverbial Clauses ถ้าอยู่หน้าขึ้นต้นประโยค จะต้องใช้เครื่องหมายจุลภาค , (Comma) กั้นระหว่างประโยค แต่ถ้าอยู่ด้านหลัง ไม่ต้องใช้

>>..ภาพสรุป Adverbial Clauses





Wednesday 12 August 2020

Adverbial Phrases คือ.?

 

Adverbial Phrases กริยาวิเศษณ์วลี ก็คือ วลีหรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ Adverbs ใช้ขยายคำกริยา (Verbs) คำคุณศัพท์ (Adjectives) หรือขยายคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ด้วยกันเอง รวมทั้งยังใช้ขยายประโยค (Sentences) ทั้งประโยคอีกด้วย เพื่อให้ได้ความหมายที่ชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ทีนี้.. เรามาดูกันว่า Adverbial Phrases นี้ มีอะไรบ้าง และมีหลักการใช้อย่างไร..?

- Adverbial Phrase of Manner กริยาวิเศษณ์วลีบอกอาการ เช่น like an angel, in a low voice, in silence, in a polite way, like a baby ฯลฯ

- Adverbial Phrases of Place กริยาวิเศษณ์วลีบอกสถานที่ เช่น anywhere near the place, in the back, by the side of the building, near the park, in Japan ฯลฯ

- Adverbial Phrases of Time กริยาวิเศษณ์วลีบอกเวลา เช่น in a minute, after the game, every day, in the afternoon, during the winter, at about 5 pm. ฯลฯ

- Adverbial Phrases of Reason กริยาวิเศษณ์วลีบอกเหตุผล เช่น to impress her class mates, in order to live, to find gold, to make a fortune, to see him ฯลฯ

Adverbial Phrases สามารถใช้ในลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. ใช้ทำหน้าที่ขยายคำกริยา Verbs หรือคำคุณศัพท์ Adjectives ให้มีความหมายชัดเจน หรือเด่นชัดยิ่งขึ้น 

  • Tim goes to work by bike. (ทิมไปทำงานด้วยจักรยาน)
  • Teacher speaks in a very loud voice. (ครูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก)
  • She’ll come round to see you in one hour.  (เธอจะมาหาคุณในอีก 1 ชม.)
  • Tom interrupts me every five minutes(ทอมขัดจังหวะผมทุกๆ 5 นาที)
  • I always feel terrible during the summer. (ฉันมักจะรู้สึกแย่มากในช่วงฤดูร้อน)

2. ใช้ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็ม (Complements) ให้กับกริยาเชื่อม (Linking verb) หรือกรรม (Object)

  • The bank is located near the bus stop(ธนาคารตั้งอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์)
  • She seems in a good mood(เธอดูเหมือนจะอารมณ์ดี)
  • The teacher sent Jim to the hospital. (ครูส่งจิมไปโรงพยาบาล)
  • Please put the book on the shelf(กรุณาวางหนังสือบนชั้น)

3. ใช้ทำหน้าที่ขยายประโยค (Sentences) ให้ได้ใจความชัดเจนขึ้น

  • After the film, they walked to the Chinese restaurant.  (หลังจากดูหนังเสร็จ พวกเขาก็เดินไปที่ร้านอาหารจีน)
  • As often as necessary, I’ll help you out. (บ่อยเท่าที่จำเป็น ผมจะช่วยคุณเอง)
  • To be honest, I hate him.  (บอกตรงๆนะ ฉันเกลียดเขา)
  • In my view, she shouldn’t do that. (ในมุมมองของผม เธอไม่ควรทำอย่างนั้น)
  • To see the view, Jimmy climbed to the peak. (เพื่อดูวิว จิมมี่ปีนขึ้นไปบนยอดเขา)

ซึ่งทั้งหมดนี้  เป็นตัวอย่าง Adverbial Phrases คำกริยาวิเศษณ์วลีในประโยคต่างๆ ที่นำมาใช้ขยายคำกริยา Verbs ขยายคำคุณศัพท์ Adjectives หรือแม้กระทั่งขยายประโยค (Sentences) ทั้งประโยค เพื่อให้ได้ความหมายหรือใจความที่ชัดเจนและสมบูรญ์ยิ่งขึ้น  





Tuesday 11 August 2020

การเรียงลำดับ Adverbs มีหลักอย่างไร..?

 

Adverbs เราทราบกันแล้วว่า คำกริยาวิเศษณ์นั้น เป็นคำที่นำมาขยายคำหลายประเภท เช่น คำกริยา (Verbs) คำคุณศัพท์ (Adjectives) หรือคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ซึ่ง Adverbs นี้ ยังแบ่งแยกย่อยออกได้หลายประเภท  อีกทั้งในหนึ่งประโยค เรายังสามารถใช้ Adverbs คำกริยาวิเศษณ์ได้หลายคำ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องการเรียงลำดับ Adverbs ในประโยค

ทีนี้.. เรามาดูการเรียงลำดับ Adverbs คำกริยาวิเศษณ์ ว่ามี Adverbs ประเภทใดบ้าง และเรียงลำดับก่อนหลังอย่างไร..?

ตัวอย่างเช่น

  • She walks impatiently home every evening after work. (เธอเดินกลับบ้านอย่างเบื่อหน่ายทุกเย็นหลังเลิกงาน)
  • He sleeps there every day after lunch. (เขานอนที่นั่นทุกวันหลังอาหารกลางวัน)
  • Jane runs quickly outside every morning before school to lose weight. (เจนวิ่งอย่างรวดเร็วข้างนอกทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนเพื่อลดน้ำหนัก)

แต่ถ้ามี Adverbs คำกริยาวิเศษณ์ประเภทเดียวกันมากกว่า 1 คำ เราจะวางคำที่เฉพาะเจาะจงที่สุดไว้ก่อน  ตัวอย่างเช่น

  • Jane runs outside at 6 am. (เจาะจงมากกว่า) before school (เจาะจงน้อยกว่า) to lose weight. (เจนวิ่งอย่างรวดเร็วข้างนอกเวลา 6 โมงเช้าก่อนไปโรงเรียนเพื่อลดน้ำหนัก)
  • He sleeps on the chair (เจาะจงมากกว่า) in his office (เจาะจงน้อยกว่า) every day after lunch. (เขานอนบนเก้าอี้ในห้องทำงานทุกวันหลังอาหารกลางวัน)

ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คือหลักการเรียงลำดับคำกริยาวิเศษณ์ (Order of Adverbs) ในประโยค ซึ่งเราต้องพยายามจดจำให้ได้ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

เพิ่มเติม :  ตามตัวอย่าง by the door, at my office, every morning, every day, after lunch, on Friday, to lose weight ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ กริยาวิเศษณ์วลี Adverbial Phrases วลีหรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ Adverbs ส่วน because he's tired เป็นวิเศษณานุประโยค Adverbial Clause ซึ่งก็คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ Adverbs

ทีนี้..เรามาทำความรู้จักกันต่อว่า.. Adverbial Phrases กริยาวิเศษณ์วลี และวิเศษณานุประโยค Adverbial Clauses นี้ เป็นอย่างไร..?