Total Pageviews

Sponsored Ads

Thursday, 25 July 2019

Verb to have มีหลักการใช้อย่างไร..?


Verb to have คือ กริยากลุ่มหนึ่งที่เป็นได้ทั้งกริยาหลัก (Main verbs) และกริยาช่วย (Prime auxiliary verbs) 


โดยมีหลักการใช้ Verb to have ดังนี้

Verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main Verbs) ถ้าใช้ในความหมายว่า มี จะเป็น Stative verbs แสดงความเป็นเจ้าของ จะใช้ใน Continuous Tenses (v-ing) ไม่ได้  แต่ถ้าใช้ในความหมายว่า ทาน/รับประทาน/ดื่ม ถือว่าเป็น Dynamic verbs สามารถใช้ใน Continuous Tenses (v-ing) ได้  ยกตัวอย่างเช่น
  • I have an idea. (ผมมีความคิด)
  • The baby has blue eyes. (เด็กทารกมีดวงตาสีฟ้า)
  • They have 2 kids. (พวกเขามีลูก 2 คน)
  • He had a motorcycle last year. (เขามีรถมอเตอร์ไซค์ปีที่แล้ว)
  • Chai and Joy are having dinner right now. (ชัยและจอยกำลังทานอาหารเย็นตอนนี้)
  • Nid will be having breakfast at 7 am. tomorrow. (นิดจะกำลังทานอาหารเช้าเวลา 07.00 น. พรุ่งนี้)
  • He had coffee for breakfast last month. (ผมดื่มกาแฟเป็นอาหารเช้าเมื่อเดือนที่แล้ว)

เมื่อ verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main verb) จะต้องนำ verb to do มาช่วยในประโยคคำถามและปฎิเสธ เช่น

  • She doesn’t have a car. (เธอไม่มีรถ)
  • I don’t have time to do it. (ผมไม่มีเวลาทำมันเลย)
  • Where do you have lunch? (คุณทานอาหารเที่ยงที่ไหน)
  • Does he have a clue? (เขามีเบาะแสมั้ย)
  • Did Jai have a terrible dream last night? (ใจฝันร้ายเมื่อคืนที่แล้วใช่มั้ย)

หมายเหตุ  Verb to have (Main verb) ในประโยคคำถาม/ปฎิเสธนี้ จะต้องไม่ผันตามประธาน (Subject) หรือ Tenses คือจะต้องอยู่ในรูป infinitive คือ have เสมอ เพราะในรูปคำถาม/ปฏิเสธนี้ เราผัน do/does/did ตามประธาน Subject หรือ Tenses แล้ว

verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย โดยมีหลักการใช้ ดังนี้ คือ 

1. ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้าง Perfect Tense  เช่น

  • Pim has lived here all her life. (พิมอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตของเธอ)
  • We haven’t forgotten our Korean friends. (พวกเรายังไม่ลืมเพื่อนชาวเกาหลีของพวกเรา)
  • Have they tried to help you? (พวกเขาพยายามช่วยคุณหรือเปล่า)
  • Where has she gone? (เธอไปไหน)
  • Had Jack met her before the party. (แจคได้พบเธอก่อนงานปาร์ตี้มั้ย)
  • If he had not been lazy, he would have passed the exam. (ถ้าเขาไม่ขี้เกียจ เขาจะสอบผ่าน)

หมายเหตุ  have/has/had ตามโครงสร้าง Perfect Tenses นี้ จะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ซึ่งไม่ต้องแปลความหมาย และผันไปตามประธาน Subject และ Tenses และจะต้องตามด้วย V3 (Past Participle) หรือกริยาเติม ed ซึ่งทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main verb) ของประโยค

2. ใช้ has/have/had to ในความหมายว่า ต้อง เช่น
  • Children have to go to school. (เด็กๆต้องไปโรงเรียน)
  • She doesn’t have to see the doctor. (เธอไม่ต้องไปหาหมอ)
  • John has to wear a tie at work. (จอนต้องผูกเนคไทที่ทำงาน)
  •  I had to work yesterday. (ผมต้องทำงานเมื่อวาน)

ข้อสังเกต Have/has/had to ในความหมายว่า ต้อง นี้มีความหมายคล้ายกันกับ must “ ต้อง ที่เป็น Modal auxiliary verb ซึ่งกริยาที่จะตามหลัง to นั้น จะต้องเป็น v1 (infinitive) ที่ไม่ผันตามประธาน (Subject) หรือ Tenses

นอกจากนี้ verb to have ยังใช้ในประโยค Causative forms ที่แสดงถึงการกระทำที่ผู้พูดไม่ได้เป็นผู้กระทำด้วยตนเอง ซึ่งมีอยู 2 กรณี คือ

1. ให้ใครทำบางอย่างให้กับผู้พูด have someone do something โดยมีโครงสร้างดังนี้  Subject+have/has/had+someone+v1+something   เช่น
  • The teacher has the students write a test. (ครูให้นักเรียนเขียนข้อสอบ)
  • He’ll have his assistant call you with the details. (เขาจะให้ผู้ช่วยของเขาโทรหาคุณพร้อมรายละเอียด)
  • Did she have the electrician repair the TV. (เธอให้ช่างซ่อมทีวีแล้วยัง)
  • I had my son clean the house yesterday. (ฉันให้ลูกชายทำความสะอาดบ้านเมื่อวาน)

2. ให้ใครทำบางอย่างให้ โดยไม่พูดถึงผู้กระทำ  have something done โดยมีโครงสร้างดังนี้  Subject+have/has/had+something+v3 เช่น

  • The students have their essays checked. (บทความของนักเรียนได้รับการตรวจ-มีคนตรวจให้)
  • I had my house cleaned.  (บ้านของฉันสะอาด-มีคนทำให้)
  • John will have his house painted. (จอนจะทาสีบ้าน-มีคนจะทาให้)
  • I’ll have my hair cut tomorrow. (ฉันจะตัดผมพรุ่งนี้-มีคนจะตัดให้)

เรายังใช้ Have ในสำนวนบางสำนวน เช่น Have a nice day, Have fun, Have a good time, Have a safe trip เป็นต้น