Total Pageviews

Sponsored Ads

Sunday 30 September 2018

คำกริยาที่เป็นได้ทั้ง stative verbs และ dynamic verbs





สืบเนื่องจากบทความที่แล้ว  เราทราบกันแล้วว่า stative verbs และ dynamic verbs นั้น คืออะไร และต่างกันอย่างไร..?  

Dynamic verbs หรือ Action verbs  ก็คือคำกริยาที่แสดงอาการกระทำออกมา มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย  ซึ่งคำกริยาในกลุ่มนี้มีเยอะแยะมากมาย  สามารถนำไปใช้ในรูปของ Simple, Continuous และ Perfect ได้ โดยผันคำกริยาไปตามรูปแบบโครงสร้าง Tenses ของประโยค 

ส่วน Stative verbs หรือ State verbs นั้น เป็นคำกริยาที่ไม่ได้แสดงอาการกระทำออกมา  แต่แสดงสภาวะต่างๆ  เช่น การรับรู้ การแสดงความคิดเห็น ความเชื่อ การแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ รวมไปถึงการวัด การประมาณค่า การแสดงความเป็นเจ้าของ  ซึ่งคำกริยาในกลุ่มนี้จะใช้กับ Simple Tense  จะไม่นำมาใช้ในรูปเติม –ing ใน Continuous Tense  ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นกำลังกระทำหรือดำเนินอยู่ก็ตาม

ทีนี้ เรามาเรียนรู้กันต่อว่า มีคำกริยาบางคำที่เป็นได้ทั้ง stative verbs (กริยาแสดงสภาวะ) และ dynamic verbs (กริยาแสดงอาการ) คำกริยาในกลุ่มนี้ เราสามารถใช้ได้ทั้ง Simple Tense และ Continuous Tense  แต่จะมีความหมายที่แตกต่างกัน  เช่น

  •  I think it’s wrong to hit children. (ฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่ตีเด็กๆ) think ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความเชื่อ ความคิดเห็น
  • I’m thinking about my new house. (ผมกำลังคิดถึงบ้านใหม่ของผม) think ในประโยคนี้เป็น action verb คือใช้สมองในการคิดพิจารณา

  • I see what your point is. (ฉันเข้าใจจุดมุ่งหมายของคุณว่าคืออะไร)  see ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความรู้สึกในการรับรู้ 
  • I am seeing someone. (ผมกำลังคบหากับใครบางคน) see ในประโยคนี้เป็น active verb คือเป็นอาการกระทำกำลังคบหา

  • That cake looks delicious. (เค้กนั่นดูอร่อยน่าทานจัง) look ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความรู้สึก
  • Paul’s looking for me. (พอลกำลังมองหาฉัน) look ในประโยคนี้เป็น active verb คือเป็นการกระทำกำลังมองหา

  • I smell something burned. (ฉันได้กลิ่นบางอย่างไหม้) see ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความรู้สึกในการรับรู้ 
  • That little girl’s smelling the flowers. (เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังดมกลิ่นดอกไม้) see ในประโยคนี้เป็น active verb คือเป็นอาการกระทำกำลังดม

  • This meat tastes like lamb(เนื้อนี้รสชาติเหมือนแกะ) taste ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความรู้สึกในการรับรู้รสชาติ
  • My mother’s tasting the curry to see if it needs more fish sauce. (แม่ของฉันกำลังชิมแกงเพื่อดูว่าจำเป็นต้องเติมน้ำปลาเพิ่มอีกมั้ย) taste ในประโยคนี้เป็น active verb คือเป็นการกระทำกำลังชิม

  • This room feels so hot. (ห้องนี้รู้สึกร้อนจัง) feel ในประโยคนี้เป็น stative verb คือเป็นความรู้สึกในการรับรู้
  • Jim’s feeling much better now. (สุขภาพของจิมกำลังดีขึ้นมากตอนนี้) feel ในประโยคนี้เป็น active verb คือเกี่ยวกับภาวะสุขภาพที่กำลังดีขึ้นมาก

  • Jai has a new computer. (ใจมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่) has ในประโยคนี้เป็น stative verb คือการแสดงความเป็นเจ้าของ
  • I’m having dinner right now. (ฉันกำลังทานอาหารเย็นอยู่ตอนนี้) have ในประโยคนี้เป็น active verb คือการกระทำกำลังทาน

** เพราะฉะนั้น คำกริยาในกลุ่มนี้ ที่เป็นทั้ง dynamic verbs และ stative verbs เราก็ต้องพยายามแยกแยะให้ออกว่าคำกริยาใดเป็น stative verbs แสดงสภาวะ ความรู้สึก การรับรู้ หรือแสดงความเป็นเจ้าของ และคำกริยาใดเป็น dynamic verbs ที่แสดงอาการกระทำออกมา เราจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง


**ภาษาอังกฤษ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเราตั้งใจที่จะเรียนรู้**