Total Pageviews

Sponsored Ads

Showing posts with label หลักการใช้ 12 Tenses... Show all posts
Showing posts with label หลักการใช้ 12 Tenses... Show all posts

Tuesday, 27 November 2018

สรุป หลักการใช้ 12 Tenses ว่าใช้ต่างกันอย่างไร..?


เราได้เรียนรู้หลักการใช้ Tensesทั้ง 12 Tenses กันมาแล้วว่า มีหลักการใช้อย่างไร..?

วันนี้.. เราก็จะมาสรุปหลักการใช้ทั้ง 12  Tenses ว่าในแต่ละ Tense มีหลักการใช้แตกต่างกันอย่างไร..? 



Present
Past
Future





Simple

S+v1
ใช้กล่าวถึงนิสัยหรือความจริงทั่วไป รวมทั้งแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก(รัก,ชอบฯลฯ)
-I eat breakfast every day.
-It rains in winter in south of Thailand.
-Paul loves spicy food.
-I hate snakes.
S+v2
ใช้กล่าวถึงนิสัยในอดีตหรือเหตุการณ์ที่จบสิ้นลงไปแล้ว
-I ate breakfast every day last year.
-It rained in Phuket yesterday.
S+will/shall+v1
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือการดาดเดาเหตุการณ์    รวมไปถึงการสัญญา
-I will eat breakfast later.
-I think he will return next week.
-I promise I won’t forget you. 







Continuous

S+is/am/are+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังกระทำในขณะที่พูด หรือเกิดขึ้นในช่วงที่พูด
-I am eating breakfast right now.
-Paul is studying Thai in Phuket.

S+was/were+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วง เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต หรือก่อนที่จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาขัดจังหวะ
-At 4.30 pm. they were playing the second set.
-I was eating breakfast when my sister arrived.

S+will+be+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต หรือก่อนที่จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก
-I’ll be eating dinner at 8 pm. tonight.
-I’ll be sleeping when you arrive.





Perfect

S+has/have+v3
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และอาจจะดำเนินต่อไปในอนาคต หรือเพิ่งจะเสร็จสิ้น แต่อาจจส่งผลมาถึงปัจจุบัน
-Paul has lived in Bangkok for 2 years.
-I have just eaten breakfast. 

S+had+v3
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีต ก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
-I had already eaten breakfast when my sister arrived.
-They have just moved to Phuket before I came to Bangkok.
S+will+have+v3
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต หรือก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งจะเสร็จสิ้น
-By April they’ll have moved to Phuket.
-I’ll have already eaten breakfast by the time my sister arrives.





Perfect Continuous

S+has/have+been+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันและอาจจะดำเนินต่อไปในอนาคต
-I’ve been eating breakfast for 1 hour.
-Paul has been living in Bangkok since 2015.

*เน้นย้ำการกระทำที่ต่อเนื่องและยังไม่เสร็จสิ้น*
S+had+been+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก
-I had been eating breakfast for 1 hour when my sister arrived.    
-Paul had been living in Bangkok for 3 years when I met him.   

S+will+have+been+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ได้ดำเนินเรื่อยมาจนถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ในอนาคต หรือก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
-By 2020 Paul will have been living in Bangkok for 5 years.
-Paul will have been living in Bangkok for 5 years before he moves to Phuket.

จะเห็นได้ว่า หลักการใช้บาง Tenses อาจจะมีลักษณะการใช้ที่คล้ายๆกัน  ซึ่งตรงนี้ เราก็ต้องพยายามจำให้ได้ว่า ในแต่ละ Tense มีหลักการใช้อย่างไร เวลานำไปใช้ จะได้ไม่เกิดความสับสน


Wednesday, 14 November 2018

สรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่ม Present Tenses ว่าใช้ต่างกันอย่างไร..?



เราได้เรียนรู้หลักการใช้ Tenses ทั้ง 12 Tenses กันมาแล้วว่า มีหลักการใช้อย่างไร..?

วันนี้.. เราก็จะมาสรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่มของ Present Tenses แต่ละ Tense ว่ามีหลักการใช้แตกต่างกันอย่างไร..? 

Present
หลักการใช้
S+v1


1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงหรือข้อเท็จจริงโดยทั่วๆไป หรือความจริงตามธรรมชาติ
Water freezes at zero degrees.
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ทำเป็นประจำหรือเป็นกิจวัตร รวมถึงนิสัย
We catch the bus every morning.
3. ใช้ในการแสดงความคิดเห็นหรือความชอบ
She understands English very well.
4. ใช้กล่าวถึงตารางเวลาต่างๆ
The Grand Palace closes at 15.30 pm.

S+is/am/are+v-ing

1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
They’re surfing the internet right now.
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในช่วงที่พูด แต่ไม่ได้กำลังเกิดในขณะที่พูด
Nowadays most people are using emails instead of writing letters.
3. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
Jane’s speaking at the conference this evening.

S+has/have+v3

1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และการกระทำหรือเหตุการณ์นั้น ได้ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และอาจจะดำเนินต่อไปในอนาคต
She has been sick for 2 weeks.
He's worked on Saturday since he joined the company.
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และเพิ่งจะสิ้นสุดลง และอาจจะส่งผลมาถึงปัจจุบัน
I’ve just had lunch.
3. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นประสบการณ์ของเรา หรือเหตุการณ์หรือการกระทำที่ไม่ได้ระบุเวลาว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่
Kru Gai has been to Korea, China, Russia, Egypt, Nepal, India, Australia, New Zealand and so on.

S+has/have+been+v-ing

ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และการกระทำหรือเหตุการณ์นั้น ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  และอาจจะดำเนินต่อไปในอนาคต
I’ve been teaching Thai to foreigners since 2017.


ในกลุ่ม Present Tenses นี้ จะเป็นเหตุการณ์หรือการกระทำเดียวโดดๆ ไม่มีเหตุการณ์หรือการกระทำที่ 2 เข้ามาขัดจังหวะ  แต่อาจจะมีการใช้ Past Simple Tense ใน Present Perfect Tense โดยการนำมาใช้ตามหลัง since (ตั้งแต่) เช่น since she was young, since he joined the company.

การใช้ Present Perfect Tense กับ Present Perfect Continuous Tense นี้ มีลักษณะการใช้ที่คล้ายๆกันในข้อที่ 1 แต่ก็มีข้อแตกต่างในการใช้ ซึ่งเป็นสาระสำคัญอยู่ว่า..


Monday, 12 November 2018

สรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่ม Past Tenses ว่าใช้ต่างกันอย่างไร..?



เราได้เรียนรู้หลักการใช้ Tenses ทั้ง 12 Tenses กันมาแล้วว่า มีหลักการใช้อย่างไร..? 

วันนี้.. เราก็จะมาสรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่มของ Past Tenses แต่ละ Tense ว่ามีหลักการใช้แตกต่างกันอย่างไร..? 

Past
หลักการใช้
S+v2
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตและจบสิ้นลงไปแล้ว
She played piano yesterday.
2. ใช้กล่าวถึงนิสัยหรือกิจวัตรที่เคยทำในอดีตและได้เลิกกระทำไปแล้ว
She played piano every day last year.

S+was/were+v-ing
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังกระทำในอดีต โดยระบุเวลาเฉพาะเจาะจงไว้อย่างชัดเจน
At 6 pm. yesterday she was playing piano.
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่กำลังกระทำพร้อมกันในอดีต
She was playing piano while her dad was working.
3. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกขัดจังหวะ
She was playing piano when her dad came home.

S+had+v3
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่ได้สิ้นสุดลงก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
She had played piano before her dad came home.

S+had+been+v-ing
ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกขัดจังหวะ
She had been playing piano when her dad came home.


ในกลุ่ม Past Tenses นี้ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 Tenses คือ Past continuous Tense, Past perfect Tense และ Past Perfect Continuous Tense โดย Past Simple Tense นี้ จะเกิดขึ้นทีหลังเสมอ..

ข้อสังเกต  
  • Past Simple Tense  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตและจบสิ้นไปแล้ว
  • Past Continuous Tense  เป็นเหตุการณ์ที่กำลังกระทำในอดีต
  • Past Perfect Tense  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลงก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
  • Past Perfect Continuous Tense  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกขัดจังหวะ

**เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่ม Past Tenses นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้งสิ้น..

Sunday, 11 November 2018

สรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่ม Future Tenses ว่าใช้ต่างกันอย่างไร..?


เราได้เรียนรู้หลักการใช้ Tensesทั้ง 12 Tenses กันมาแล้วว่า มีหลักการใช้อย่างไร..?

วันนี้.. เราก็จะมาสรุปหลักการใช้ Tenses ในกลุ่มของ Future Tenses แต่ละ Tense ว่ามีหลักการใช้แตกต่างกันอย่างไร..? 

Future
หลักการใช้
S+will/shall/v1
1.ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
He’ll do your project tomorrow.
2. ใช้ในการคาดเดา คาดการณ์ หรือคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต
I think he’ll do your project.
3. ใช้กล่าวถึงความรู้สึก ความตั้งใจและการสัญญา
He promise he’ll do your project.

S+will/shall+be+v-ing
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะกระทำในอนาคต โดยระบุเวลาเฉพาะเจาะจงไว้อย่างชัดเจน
He’ll be doing your project in 2 weeks.
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะกำลังกระทำในอนาคตแล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก
He’ll be doing your project when you arrive his office.
3. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่จะกำลังเกิดขึ้นพร้อมกันในอนาคต
He’ll be doing your project while I’ll be cooking dinner.

S+will/shal+have+v3
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
At 5 pm. He’ll have done your project.
2. ใช้กล่าวถึง 2 เหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในอนาคต
Before you come to his office, He’ll have done your project.

S+will/shall+have+been+v-ing
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งจนกระทั่งถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ในอนาคต
By 10 am. he’ll have been doing your project for 2 months.
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งจนกระทั่งมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
He’ll have been doing your project for 2 months before he leaves for Phuket.


ในกลุ่ม Future Tenses นี้ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น เราจะใช้ Present Simple Tense ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 Tenses คือ Future continuous Tense, Future perfect Tense และ Future Perfect Continuous Tense โดย Present Simple Tense นี้ จะเกิดขึ้นทีหลังเสมอ..

ข้อสังเกต 

  • Future Simple Tense  เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  • Future Continuous Tense  เป็นเหตุการณ์ที่จะกำลังกระทำในอนาคต
  • Future Perfect Tense  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต (อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้) แต่เหตุการณ์นั้นจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในอนาคต
  • Future Perfect Continuous Tense  เป็นเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตก็ได้ แต่เหตุการณ์นั้นได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ในอนาคต และอาจจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์หรือไม่ก็ได้

Friday, 9 November 2018

อธิบาย หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense ชัดเจน เข้าใจง่าย


Future Perfect Continuous Tense คือ อนาคตกาลสมบูรณ์แบบกำลังกระทำ ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาที่ระบุไว้ในอนาคต โดยมีโครงสร้างของประโยค ดังนี้


จากโครงสร้างของประโยค จะเห็นได้ว่าเป็นการนำโครงสร้างของ 2 Tenses มารวมกัน คือ Future Perfect Tense  ( S+will/shall +have+v3) และ Present Continuous Tense (S+is,am,are+v-ing) มาเชื่อมต่อรวมกันเป็น Future Perfect Continuous Tense (S+will/shall+have+been+v-ing) โดยเปลี่ยน is,am,are เป็น been (v3) ตามโครงสร้าง Perfect Tense

ส่วน Infinitive หรือ Verb1 ในโครงสร้าง Continuous Tense นั้น มีหลักการเติม ing ดังนี้ (อ่านเพิ่มเติม) และมีคำกริยาบางคำที่ไม่สามารถนำมาใช้เติม ing ในรูปของ Continuous Tense ได้ ซึ่งเราเรียกคำกริยากลุ่มนี้ว่า stative verbs คำกริยาแสดงสภาวะ (อ่านเพิ่มเติม)


หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense มีดังนี้

1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ ได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ในอนาคต เช่น

  • By 6 pm., Jim will have been waiting at the train station for 3 hours. (เมื่อถึงเวลา 6 โมงเย็น จิมก็จะรออยู่ที่สถานีรถไฟเป็นเวลา 3 ชม.)
  • Jane and Jack will have been living in Bangkok for 6 years by next week.  (เจนและจิมจะอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 6 ปี ในสัปดาห์หน้า)
  • When I turned 50, I’ll have been teaching English for 25 years. (เมื่อฉันอายุ 50 ปี ฉันจะสอนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 25 ปี)
  • At 3 pm. tomorrow, I’ll be defensing my thesis for 4 hours. (เวลาบ่าย 3 โมงพรุ่งนี้ ฉันจะสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ของฉันเป็นเวลา 4 ชม.)
  • Will you have been studying Thai for 6 months by the end of this month.  (คุณจะเรียนภาษาไทยเป็นเวลา 6 เดือนภายในสิ้นเดือนนี้ใช่มั้ย)

เราใช้ประโยค Future Perfect Continuous Tense นี้ เพื่อที่จะเน้นย้ำการกระทำว่า ได้กระทำอย่างต่อเนื่อง มาระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาที่เราได้กำหนดไว้ในอนาคต  โดยระบุระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไปจนถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ว่าเป็นระยะเวลานานเท่าไร

ส่วนการกระทำนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่ใช่สาระสำคัญ อาจจะเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ เพราะสาระสำคัญอยู่ที่ การกระทำนั้น ต้องดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระทั่งถึงเวลาที่ได้ระบุไว้ในอนาคต  และการกระทำนั้น อาจจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์หรือไม่ก็ได้

เรามักจะใช้คำเหล่านี้   
  • by the time (ในขณะที่,ตอนที่)
  • by this time tomorrow, next Tuesday, next week, next month (เมื่อถึงเวลานี้ในวันพรุ่งนี้, วันอังคารหน้า, สัปดาห์หน้า, เดือนหน้า)
  • by next Monday, week, month, year (เมื่อถึงวันจันทร์หน้า, สัปดาห์หน้า, เดือนหน้า,ปีหน้า)
  • by this Sunday, March (เมื่อถึงวันเสาร์นี้,เดือนมีนาคมนี้)
  • by tomorrow (ในวันพรุ่งนี้)
  • by tomorrow morning, afternoon (เมื่อถึงเช้าพรุ่งนี้, บ่ายพรุ่งนี้)
  • by midnight, midday (เมื่อถึงเที่ยงคืน, เที่ยงวัน) 
  • by this Friday, week, month, year (ในวันศุกร์นี้, สัปาดาห์นี้,เดือนนี้,ปีนี้)   ประกอบอยู่ในประโยค

2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์หนึ่งได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น

  • Cindy’ll have been traveling around the world before she comes to Thailand. (ซินดี้จะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกก่อนเธอมาเมืองไทย) 
  • We will have been waiting for 30 minutes before Jason arrives. (เราจะรอเป็นเวลา 30 นาทีก่อนเจสันมาถึง) 
  • When I leave the beach, I’ll have been sunbathing for 2 hours. (เมื่อฉันออกจากชายหาด ฉันจะอาบแดดเป็นเวลา 2 ชม.) 
  • By the time Paul goes home, he’ll have been living in Turkey for 9 months. (ตอนที่พอลกลับบ้าน เขาจะอยู่ที่ตรุกีเป็นเวลา 9 เดือน) 
  • Before they come, we’ll have been cleaning the house for 3 hours. (ก่อนพวกเขามา เราจะทำความสะอาดบ้านเป็นเวลา 3 ชม.) 

จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนซึ่งกำลังดำเนินอยู่ เราใช้ Future Perfect Continuous Tense ส่วนอีกเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นทีหลัง เราใช้ Present simple Tense โดยการกระทำในเหตุการณ์แรกนั้น อาจจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์หรือไม่ก็ได้ แต่การกระทำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังนั้น จะเสร็จสิ้นเสมอ 

ในกรณีนี้ เรามักจะใช้ before (ก่อน) when (เมื่อ, ตอนที่) มาเป็นคำเชื่อมประโยค โดย
  • ประโยคที่อยู่หลัง when, before เราใช้ Present Simple Tense

เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เราใช้ Present Simple Tense ร่วมกับ Future Perfect Continuous Tense  นอกจากนี้เรายังใช้คู่กับ Future Perfect Tense และ Future Continuous Tense อีกด้วย โดย Present Simple Tense นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังเสมอ